วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

=^^=เข้ามาดิจะได้รู้ ว่า ทอมเกย์เปงงัย=^^=

“ทอมเกย์” คือ ทอมที่รัดหน้าอก, ไว้ผมสั้น, พูด “ผมและครับ”, หัวเกรียน, ท่าเดิน และบุคลิกเหมือนทอมทั้งแท่งทุกประการ สิ่งที่ทำให้เขาแตกต่างจากทอมทั่วไปก็คือ เขาไม่นิยมบริโภค “ดี้” เป้าหมายของพวกเขาก็คือ “ทอมหรือ เลสคิงที่ห้าวเท่านั้น” (ทอมหลายคนสบายใจได้ เพราะคุณจะไม่มีคู่แข่งทางการค้า แต่คุณอาจต้องระวังว่าจะโดนหุบกิจการแทน)

วันเสาร์ที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วิธีคุยกับสาวได้นานๆๆ

การพูดที่เราต้องใช้สื่อสารอยู่ทุกวัน ทำไม๊ ทำไม เวลาเมื่อต้องคุยกับสาวๆ หนุ่มๆทั้งหลายถึง คิดคำพูดต่างๆไม่ค่อยออกเลย ทำให้จบการสนทนาด้วยเวลาอันสั้น แล้วก็กลับมานั่งซึมเซ็งกันทีหลัง ว่าทำไมน้า ไม่ยอมพูดแบบนั้น แบบนี้ เอ้าๆ เลิกซึม!! วันนี้ผมมีวิธีง่ายๆ ต่อจาก สัปดาห์ที่แล้วมาบอกกัน

1.พยายามหาเรื่องที่หนุ่มกับสาวคู่สนทนาเกี่ยวข้องกัน เช่น เรียนที่เดียวกัน,ต้องทำรายงานแบบเดียวกัน,รู้จักเพื่อนคนเดียวกัน หากหาเจอ เราจะสามารถยืดเวลาการคุยได้อีกมากทีเดียว การหาเรื่องที่เกี่ยวข้องกัน ยังสามารถทำให้สาวที่สนทนาด้วย รู้สึกอยากจะพูดคุย กับเรามากขึ้นด้วย




2.หาหัวข้อที่สามารถแสดงความคิดเห็นต่อได้ นอกจากเราจะได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน กับสาวที่สนทนาด้วยแล้ว การพูดคุยเรื่องความคิดเห็น ความรู้สึก มันก็จะยืดยาวในตัวของมันอยู่แล้ว ที่สำคํญถ้าเรา(เตรียมตัว)แสดงความคิดเห็นที่ดูดี มีความรู้ ก็จะยิ่งดูเท่มากขึ้นด้วย ระวัง!! อย่าพูดแสดงความคิดเห็นของตัวเองมากเกินไป เพราะสาวๆไม่ชอบคุยกับหนุ่มขี้คุย ขี้โม้ สักเท่าไร


3.คุยเรื่องที่กำลังเป็นข่าว กระแส เรื่องที่น่าสนใจของสังคม ข้อนี้หนุ่มๆต้องติดตามข่าวสารกันเสียหน่อย ว่าเรื่องไหน สิ่งไหน สามารถเอามาเป็นประเด็นพูดคุยได้ (เลือกที่มันจรรโลงใจหน่อยก็ดีนะ) อย่าลืมคิด ประโยคคำพูดดีๆ ที่แสดงว่าเรามีความคิดดีๆด้วยล่ะ



4.ถามถึงสถานที่ต่างๆ ในเรื่องทั่วไปพื้นฐานของสาวคู่สนทนา เช่น เคยเรียนโรงเรียนอะไร,โรงเรียนนั้นเป็นอย่างไร?,เคยเรียนพิเศษที่นั่น ที่นี่หรือเปล่า,แถวบ้านมีห้างอะไร,เคยไปที่นั่น ที่นี่ไหม (ย้ำว่าต้องเป็นเรื่องพื้นฐาน อย่าถามเด็ดขาด คำถามทำนอง ทำไมถึงเลิกกับแฟน ชอบผู้ชายแบบไหน) จะทำให้การสนทนาดูจะไม่สนุกกันไปใหญ่อย่าลืมเล่าประสบการณ์ของตัวเองสั้นๆไปด้วย


5.คุยเรื่องงานอดิเรก (อยู่ว่างๆ เธอชอบทำอะไรบ้าง?) ทุกการพูดคุย อาจจะไม่เรียงเป็นขั้นเป็นตอนตามลำดับด้านบน หนุ่มๆต้องปรับแต่งผสมผสานให้มันกลมกล่อมเอง อาจจะกระโดดไป กระโดดมาก็ได้ แต่ทุกคำถามที่ถามไป ถ้าแสดงความคิดเห็นของเราไปด้วยอย่างสั้นๆ ก็จะดีมาก ที่สำคัญอย่าลืมฟังเขาด้วยความตั้งใจ เพราะถ้าตั้งใจ เราก็จะสามารถรู้ได้ว่า สาวๆสนใจอะไร หรือ อยากจะเล่า จะพูด เรื่องอะไร เราก็ชวนคุยในเรื่องดังกล่าว เพื่อให้บทสนทนาสนุกสนาน ราบรื่นขึ้น

เป็นขั้นตอนง่ายๆ สั้นๆ ที่คงพอทำให้หนุ่มๆ คุยกับสาวๆได้นานขึ้น แต่บางคนเอาไปใช้แล้วไม่ประสบความสำเร็จ ก็อย่าเพิ่งเซ็ง เพราะเรื่องแบบนี้มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งสิ่งเดียว มีตัวแปรอีกมาก ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ให้หัดลองฝึกคุยไปเรื่อยๆ อย่าท้อถอย รับรองไม่นาน คุณก็จะคุยกับสาวๆได้น๊าน นาน~

http://www.dek-d.com/

วันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2553

สงสัยกันบ้างไหม ทำไมผู้หญิงถึงเป็นทอม


ไม่รู้เพื่อนๆ จะสังเกตกันบ้างมั้ยเดี๋ยวนี้เวลาเดินไปไหน มองซ้ายก็ทอม ขวาก็ทอม มองไปมองมา เอ๊ะมันชักจะยังไง ทำไมเยอะแยะเต็มไปหมด วันนี้เราเลยเอาผลการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ที่จะบอกได้ว่า สาเหตุอะไร ทำไม อย่างไร ที่ไหน กับใคร (เอ๊ยชักไปกันใหญ่แล้ว) สาวๆ สุดแมนทั้งหลายถึงแสดงออกว่าเป็นทอมกัน...(เริ่มกันเลยดีกว่า อิอิ)
1. ฮอร์โมนในร่างกาย อ่ะ ข้อนี้เราก็รู้ๆกันอยู่ เป็นเรื่องของความผิดปกติในร่างกายซึ่งจะมีฮอร์โมนเพศชายมากกว่าปกติ เก๊าะเป็นสาเหตุนึงจ้า

2. พฤติกรรมเกลียดพ่อ นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึง ซึ่งคนทั่วไปมักจะเข้าใจกันไปว่า เกลียดผู้ชายก็แสดงว่าต้องอยากเป็นผู้หญิงเหมือนกรณีของคุณสาวประเภทสองทั้งหลาย แต่แท้จริงแล้วการเกลียดพ่อ หรือเกลียดเพศชายนั้นก็ทำให้สาวกลายเป็นทอมได้ เพราะต้องการจะเป็นผู้ชายให้ดีกว่าคนที่ตนเกลียดนั่นเอง รวมไปถึงคนที่มีประสบการณ์ไม่ดีกับผู้ชาย ประมาณว่าเจอพวกโรคจิตโชว์ตุ๊ดตู่ หรือโดนตาเฒ่าแต๊ะอั๋ง ก็จะกลายเป็นทอมได้เหมียนกัน

3. ต่อจากเกลียดพ่อแล้วก็มาเป็น เกลียดแม่หรือเกลียดผู้หญิง โดยอาจเป็นได้ทั้งจากความทรงจำในวัยเด็กที่แม่ทุบตีทำร้าย หรือประสบการณ์ที่เจอผู้หญิงไม่ดีๆมาแล้วฝังใจก็เลยอยากจะเป็นอะไรที่ตรงข้าม ไม่อยากเป็นเพศเดียวกันอะไรแบบนั้น ที่ว่ามาทั้ง 3 ข้อ คือที่ใจเป็นทอมจริงๆ นะเจ้าคะ แต่ก็มีอีกส่วนที่แสดงออกว่าเป็นทอมแต่แท้จริงแล้วใจของเค้าเนี้ยะ สุดจะหญิงเลยเชียวค่ะ...เรามาดูสาเหตุที่เค้าเป็นเช่นนั้นกันดีกว่านะคะ

1.กระแสนิยม ทำนองเดียวกับกระแสนิยมเกย์เลยจ้า กระแสนิยมนี่ก็เป็นอะไรที่มีอิทธิพลมากนะ แบบพอสาวๆเค้านิยมสนใจเกย์กัน ผู้ชายแท้ๆบางคนเลยหันไปทำตัวเป็นเกย์เพราะต้องการความสนใจ เห็นว่าผู้หญิงสมัยนี้ชอบเกย์(ไม่ได้หมายถึงชอบเป็นแฟนนะยะ) ให้ความสนใจกับคนที่เป็นเกย์มากกว่าผู้ชายทั่วๆไป เรียกร้องความสนใจว่างั้นแหละ บางคนที่เป็นทอมก็จะเพราะสาเหตุเดียวกันนี่เลย
2.ความปลื้มดารานักร้อง อย่างบางคนปลื้มนักร้องบอยแบนด์ ก็อยากตัดผมทรงเดียวกัน มีบุคลิกแบบเดียวกัน แต่งตัวเหมือนๆกัน ก็ทำให้ตัวเองดูออกทอมไปด้วย ทั้งที่จิตใจจริงๆนั้นหญิงเต็มร้อย(ก็ชอบพ่อหนุ่มหน้าใสคนนั้นมากถึงขั้นลงทุนทำตามเลยนี่หน่า จาไปชอบเพศเดียวกันได้ไงจริงมะ)

3.กลัวโดนจีบ ว้าว! สาเหตุนี้น่าทึ่งมากจนเราเองแอบสงสัยว่ามันน่ากลัวตรงไหน (แหมๆ ใครกลัวส่งต่อมาให้เราได้ วะฮะฮ่า) แต่เป็นเรื่องไม่น่าเชื่อที่ว่าผู้หญิงจำนวนมากกลัวว่าถ้าโดนจีบจะตกใจทำตัวไม่ถูก จะทำท่ายังไงดี จะพูดว่าอะไร จะทำหน้าแบบไหนดีนะ ถ้าหน้าแดงล่ะทำไงดี และอีกมากมาย จนหลายต่อหลายคนตัดสินใจหลบเลี่ยงปัญหาโลกแตกด้วยการแปลงร่างเป็นทอมซะเลย ทีนี้ละก็สบายอุราไม่มีใครมาจีบ(แต่แบบนี้อนาคตโอกาสขึ้นคานพุ่งสูงปรื๊ดๆ เลยนะเธอจ๋า)

4. แคร์สังคม ประมาณว่าอันตัวเรานี้ก็ชอบมองผู้ชายหล่อลากส์ส์ส์อยู่หรอก แต่ด้วยความที่เป็นกุลสตรีไทย ไอการที่จะไปจดๆจ้องๆ บรรดาชายหนุ่มนั้นเล่ามันก็ไม่ง๊ามไม่งาม เลยแปลงโฉมตัวเอง ทีนี้ล่ะก็เดินผ่านพ่อหนุ่มหน้าใสก็จ้องได้แบบไม่อายใคร หรือจะตีซี้กะคุณเพื่อนหน้าตามีระดับในห้องก็ทำได้เนียนๆ ปากก็พูดหาเรื่องไป เฮ้ย! แกอยากโดนต่อยรึไงวะ แต่ในใจกรี๊ดดดดสลบทำนองนี้เลย

5.กลัวเพื่อนมองไม่ดี อาจจะอยู่ในกลุ่มเพื่อน(ที่แสดงออกว่า)เรียบร้อย เวลาใครหน้าตาดีหน่อยเดินผ่านมา ครั้นจะชมก็ไม่กล้ากลัวเพื่อนจะนินทากันว่ายัยนี่นอโผล่ ก็เลยเบนเข้มไปนั่งชมสาวๆแทน ปากก็ชมสาวไป ตางี้ก็มองตามหนุ่มน้อยหน้าใส มาแนวคล้ายๆพวกแคร์สังคมนั่นแล

6. ก็หน้ามันให้ ทำไงได้ก็หน้ามันออกไปทางหล่อมากกว่าสวย เลยสนองโองการสวรรค์แต่งชายมันซะเลยเข้ากับหน้าดี เพื่อนเราก็แนวนี้เลย หน้าจริงๆก็หวานดีอยู่หรอก แต่มีใครไม่รู้ไปแหย่ว่าหน้าเหมือนกระเทย คุณเธอก็ดั๊นบ้าจี้ตาม เหมือนกระเทยงั้นเดี๊ยนแต่งหล่อดีกว่า ธรรมชาติย่อมสร้างให้สรรพสิ่งเกิดมาคู่กัน~ เอามาให้อ่านกันเพลินๆ คลายเครียด แต่สำหรับเราใครจะเป็นยังไงก็ช่างเค้าเถอะ ให้เค้าเป็นคนดีก็พอแล้วแหละ นิสัยดีซะอย่างใครๆ ก็อยากคบเป็นเพื่อนจริงมั้ย... ^_^ ^_^
ขอขอบคุณ
http://www.okkid.net/blog_journal_detail.php?journal_id=4761